ดอกเบี้ย “แบบลดต้นลดดอก” ดีอย่างไร

            ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าเราพูดถึงเรื่อง สินเชื่อ หรือ เงินกู้ เรามักจะได้ยินคำว่า ดอกเบี้ย
แต่หลายคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของประเภทดอกเบี้ย หรือวิธีการคำนวณดอกเบี้ยมาก่อน ซึ่งเราอาจจะแค่จ่ายดอกเบี้ยไปตามใบแจ้งยอดชำระที่กำหนดมาให้ เพราะฉะนั้นแล้ว หากเราต้องการที่จะขอสินเชื่อ สิ่งสำคัญอันดับแรกๆ
ที่จะต้องศึกษาเพื่อทำความเข้าใจให้ดีก่อนจะตัดสินใจขอสินเชื่อ ก็คือ อัตราดอกเบี้ย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักก่อนที่จะขอสินเชื่อ คือ อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เป็นดอกเบี้ยแบบไหน และมีข้อดีอย่างไร
เพราะดอกเบี้ยชนิดนี้ เปรียบเสมือนตัวช่วยที่จะทำให้หนี้หมดไวได้อย่างแน่นอน

ดอกเบี้ยมีกี่แบบ อะไรบ้าง?

            ก่อนอื่นที่เราจะได้รู้ว่าทำไมอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกถึงช่วยทำให้หนี้หมดไว เรามาทำความรู้จักกับประเภทของดอกเบี้ยกันก่อน

            โดยดอกเบี้ยจะมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ ดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) และดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบนั้นจะมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้

            1. ดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate)

            คือ การคำนวณอัตราดอกเบี้ยจากเงินต้นทั้งก้อนตั้งแต่วันที่เริ่มทําสัญญา และนำไปหารจำนวนงวดทั้งหมดที่ต้องผ่อนชำระ จะได้เป็นดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ต้องจ่ายในแต่ละงวด ซึ่งแม้ว่าเราผ่อนชำระจนเงินต้นลดลงแล้ว แต่ดอกเบี้ยที่ถูกนำมาคำนวณในแต่ละงวดจะถูกคิดจากเงินต้นทั้งก้อนตั้งแต่วันที่เริ่มทําสัญญา ซึ่งหากเราต้องการให้หนี้หมดไว เราต้องนำเงินก้อนไปปิดยอดเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคงเหลือทั้งหมด และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ (หากมี) ซึ่งอัตราดอกเบี้ยประเภทนี้มักใช้สำหรับการขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เป็นต้น

            2. อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)

            คือ การคำนวณอัตราดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือที่แท้จริงในแต่ละงวด เมื่อชำระเงินกู้เข้ามาในแต่ละงวด
จะถูกนำไปตัดเงินต้นและดอกเบี้ย ทำให้เงินต้นลดลง และเมื่อเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยที่ถูกนำมาคำนวณในงวดถัดไปก็จะลดลงตามไปด้วย หากเราต้องการให้หนี้หมดไว เราสามารถจ่ายค่างวดมากกว่าที่กำหนด หรือ โปะเงินก้อน จะช่วยให้เราปลดหนี้ได้ไวขึ้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ยประเภทนี้มักใช้สำหรับการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียนรถแบบไม่โอนเล่ม สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.tiscoautocash.com

การคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก มีสูตรการคำนวณ ดังนี้

เมื่อเราทราบจำนวนดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายในงวดแรกแล้ว ถ้าหากอยากรู้จำนวนเงินต้นว่าลดลงไปเท่าไหร่ สามารถคำนวณได้จากสูตรต่อไปนี้

เงินต้นที่ลดลง            =             จำนวนเงินที่ต้องจ่ายในงวดนั้น – ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดนั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.1213.or.th

จากนั้นเมื่อทราบจำนวนเงินต้นที่ลดลงแล้ว ก็มาคำนวณหาเงินต้นคงเหลือ เพื่อคำนวณหาดอกเบี้ยในงวดถัดไป จากสูตรต่อไปนี้

เงินต้นคงเหลือ           =             เงินต้นคงเหลือจากงวดก่อน – เงินต้นลดลง

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.1213.or.th

ตัวอย่าง การคิดดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอก

สมมติว่า ต้องการกู้เงิน 100,000 บาท ระยะเวลาผ่อน 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี กำหนดเงินผ่อนต่องวด งวดละ 9,950 บาท

การคำนวณหาดอกเบี้ยงวดแรก (เดือนมกราคม มี 31 วัน)

เงินต้นคงเหลือ × อัตราดอกเบี้ยต่อปี × จำนวนวันในงวด/จำนวนวันในปี*

= 100,000 × 25% × 31/365

= 2,123.29 บาท/เดือน

จำนวนเงินต้นที่ลดลง

เงินต้นที่ลดลง = จำนวนเงินที่ต้องจ่ายในงวดนั้น – ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดนั้น

= 9,950 – 2,123.29

= 7,826.71 บาท

หาเงินต้นคงเหลือ เพื่อคำนวณหาดอกเบี้ยในงวดถัดไป

เงินต้นคงเหลือ = เงินต้นคงเหลือจากงวดก่อน – เงินต้นลดลง

= 100,000 – 7,826.71

= 92,173.29 บาท

            จะเห็นได้ว่าในจำนวนค่างวด 9,950 บาทนั้น เราจะถูกหักดอกเบี้ย 2,123.29 บาท และส่วนที่เหลือ 7,826.71 บาท จะถูกนำไปหาเงินต้น ก็จะเหลือเงินต้นทั้งก้อน 92,173.29 บาท นั่นเอง ซึ่งเงินต้นคงเหลือนี้จะถูกนำไปคำนวณหาดอกเบี้ยในงวดถัดไป

            ถ้าเราสามารถคำนวณตามสูตรข้างต้นได้แล้ว เราก็สามารถคำนวณดอกเบี้ยในงวดถัดไป จำนวนเงินต้นที่ลดลง
และหาเงินต้นคงเหลือ เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในงวดถัดไปได้เรื่อย ๆ นั่นเอง

            แต่ถ้าอยากให้หนี้หมดไวขึ้น การโปะหนี้ โดยการจ่ายให้มากกว่าเดิมหรือหากมีเงินก้อนก็นำมาจ่ายโปะหนี้
โดยจ่ายให้มากกว่าการชำระขั้นต่ำ เพราะฉะนั้นสำหรับการกู้เงินโดยคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก หากจ่ายคืนให้มากกว่าเดิม หรือหากเรามีเงินก้อนนำมาโปะหนี้ จะช่วยให้ต้นลด ดอกลด หนี้ลดน้อยลงและหมดไวขึ้นนั่นเอง

เปรียบเทียบการคำนวณดอกเบี้ยลดต้นลดดอก vs การคำนวณดอกเบี้ยคงที่

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าดอกเบี้ยจากการขอสินเชื่อนั้นยังมีอยู่อีกประเภทหนึ่ง นั่นก็คือสินเชื่อแบบดอกเบี้ยคงที่

ทีนี้เราจะมาดูกันว่า หากเราขอสินเชื่อรูปแบบคงที่ในอัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปีเท่ากัน จะสามารถคำนวณอัตราดอกเบี้ย และจำนวนที่ต้องผ่อนชำระออกมาได้ ดังนี้

สูตรการคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.1213.or.th

ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด

= เงินต้น × อัตราดอกเบี้ยต่อปี × ระยะเวลา (ปี)   

= 100,000 × 25% × 1 

= 25,000 บาท                                                     

จำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด

            จะเห็นได้ว่าจำนวนดอกเบี้ยจากสินเชื่อแบบคงที่นั้นมีจำนวนมากถึง 25,000 บาท และต้องจ่ายค่างวดผ่อนชำระถึงเดือนละ 10,416.67 บาทเลยทีเดียว

ข้อดีของการชำระหนี้ แบบอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอก

            การที่เราชำระหนี้แบบลดต้นลดดอก เงินก้อนที่เราจ่ายไปจะถูกแบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นเงินต้น และเมื่อจ่ายในงวดถัดไป ก็จะนำมาคิดคำนวณดอกเบี้ยและเงินต้นใหม่ ตามสูตรคำนวณข้างต้น ซึ่งจะเห็นว่าเมื่อจ่ายในแต่ละงวด ทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นจะลดลงตามไปด้วย ทำให้ยิ่งจ่ายมาก ดอกเบี้ยจะยิ่งลด หนี้ยิ่งหมดไวขึ้น

            หากคุณกำลังมองหาแหล่งเงินกู้ที่คุ้มค่า ทั้งได้วงเงินสูง และอัตราดอกเบี้ยที่ถูก เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อนำเงินมาใช้ในการดำรงชีวิต หรือนำมาใช้หมุนเวียนธุรกิจ บริษัท เป็นต่อ แคปปิตอล จำกัด พร้อมมอบความคุ้มค่าให้แก่คุณด้วยวงเงินกู้ที่สูงและการคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเพราะเราเห็นคุณเป็นคนสำคัญ จึงอยากจะให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดในการขอสินเชื่อ หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 0-2115-9505 หรือสามารถแอดไลน์ @pentorcapital เรามีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาแก่คุณ