นโยบายการแจ้งเบาะแสและข้อร้องเรียนการทุจริต
นโยบายการแจ้งเบาะแสและข้อร้องเรียนการทุจริต
บริษัท เป็นต่อ แคปปิตอล จำกัด (“บริษัทฯ“) ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการทุจริตและการกระทำผิดที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานและการติดต่อกับผู้มีส่วนได้เสียซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจและการดำเนินงานทางธุรกิจของบริษัท บริษัทจึงกำหนดกลไกในการรับเรื่องร้องเรียนและการดำเนินการกรณีที่มีการชี้เบาะแสเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมาย หรือพฤติกรรมที่อาจส่อถึงการคอร์รัปชันของบุคลากรของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงมาตรการคุ้มครองที่เหมาะสมแก่ผู้แจ้งเบาะแสตาม นโยบายฉบับนี้เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และเพื่อให้การรับเรื่องร้องเรียนการทุจริตและการกระทำผิดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
1. วัตถุประสงค์
- เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการรับเรื่องร้องเรียน การแจ้งเบาะแสการทุจริต การประพฤติมิชอบ และการปฏิบัติที่ขัดต่อระเบียบ ของบริษัทฯ มีแบบแผนที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- เพื่อให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และบุคคลใด ๆ ที่กระทำการแทนบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง โปร่งใส ยุติธรรม
และสามารถตรวจสอบได้ โดยสอดคล้องกับกฎหมายการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจ รวมทั้งระเบียบต่างๆ ของบริษัทฯ - เพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำผิดและการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นในองค์กร และช่วยให้สามารถตรวจพบ และลดความเสียหายจากการกระทำผิดหรือการทุจริต
- เพื่อกำหนดช่องทางในการรายงานให้บริษัทฯ ทราบถึงการปฏิบัติงานของกรรมการ พนักงาน หรือบุคคลใดๆ ที่กระทำการแทนบริษัทฯ ที่ขัดหรือสงสัยว่าจะขัดต่อกฎหมาย การกำกับดูแลกิจการที่ดี และจริยธรรมธุรกิจ รวมทั้งระเบียบต่างๆ ของบริษัทฯ
- เพื่อให้ผู้แจ้งเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแสและบุคคลใดที่ให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ ด้วยความสุจริตใจได้รับความคุ้มครอง รวมถึงได้รับการป้องกันจากการถูกกลั่นแกล้งอันเนื่องมาจากการร้องเรียนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
- เพื่อแก้ไขหรือบรรเทาปัญหา ข้อคับข้องใจ และข้อร้องเรียน ตลอดจนยุติข้อร้องทุกข์ของพนักงาน รวมถึงการป้องกันปัญหาและ นำมาซึ่งความพอใจของพนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง อันจะทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล
- เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติที่โปร่งใส และเที่ยงธรรมในการสอบสวนการกระทำผิดและการทุจริต
- เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และคุณค่าจริยธรรมที่ดีของบริษัทฯ และพนักงาน
2. ขอบเขตของเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแส
- บุคลากรของบริษัทฯ หรือบุคคลใดๆ ที่กระทำการแทนบริษัทฯ อาจถูกร้องเรียนตามนโยบายฉบับนี้หากมีการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของบริษัทฯ นโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี
และจรรยาบรรณของบริษัทฯ
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่การใช้กลไกตามนโยบายฉบับนี้อาจครอบคลุมการประพฤติอันมิชอบในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
- การกระทำความผิดทางอาญาหรือการยุยงให้กระทำความผิด
- การกระทำที่สุ่มเสี่ยงใดๆ ซึ่งรวมถึงการทุจริต การให้สินบน และการขู่กรรโชก
- การไม่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือแนวทางปฏิบัติใดๆ ในด้านกฎหมายหรือการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- การกระทำ ความประพฤติ หรือการละเว้นการกระทำในทางบัญชี รายงาน บันทึกรายการ และแนวทางปฏิบัติ และ/หรือ การรายงานทางการเงินหรือการควบคุมภายในที่มีพิรุธหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐานหรือแนวทางปฏิบัติทั่วไป
- เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือความปลอดภัยของบุคคลใด
- เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
- การกระทำที่เป็นการกระทำผิดร้ายแรงตามนโยบายและระเบียบต่างๆ ของบริษัทฯ
- การกระทำโดยเจตนาให้บริษัทฯ เสียหายหรือเสียประโยชน์
- กรณีที่ไม่สามารถแก้ไขหรือดำเนินการตามขั้นตอนอันสมเหตุผลในการรายงานเรื่องที่อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายหรือความเสียหายร้ายแรงต่อบริษัทฯ โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
- การปิดบังการกระทำความผิดประเภทต่างๆ ข้างต้นโดยเจตนา
- บริษัทฯ ส่งเสริมให้ผู้แจ้งเรื่องร้องเรียนเปิดเผยตัวตน (เฉพาะกับหน่วยรับแจ้งเรื่องร้องเรียน) และ/หรือให้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอเกี่ยวกับการประพฤติผิด โดยผู้ร้องเรียนหรือผู้แจ้งเบาะแสจะต้องระบุรายละเอียดของข้อร้องเรียนหรือเรื่องที่แจ้งเบาะแสพร้อมชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ และส่งข้อร้องเรียนหรือเรื่องที่แจ้งเบาะแสดังกล่าวมายังช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนหรือการรับแจ้งเบาะแสตามที่บริษัทฯ กําหนด
อนึ่ง ในกรณีที่ผู้แจ้งเรื่องร้องเรียนไม่เปิดเผยตัวตนให้หน่วยรับแจ้งเรื่องร้องเรียนทราบ ผู้ประสานงานเรื่องร้องเรียน เมื่อรับเรื่องร้องเรียน จะพิจารณาถึงข้อมูลประกอบเรื่องร้องเรียนว่ามีข้อมูลที่ระบุรายละเอียดของข้อเท็จจริง หรือหลักฐานที่มีความชัดเจนเพียงพอหรือไม่
โดยจะไม่รับเรื่องร้องเรียนหากเป็นเรื่องที่ไม่ระบุพยาน หลักฐาน หรือพฤติการณ์ของการทุจริต หรือการประพฤติผิดที่ชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ หรือเป็นเรื่องที่ผ่านการร้องเรียนและมีการวินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดอย่างเป็นธรรมแล้วและไม่มีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งเป็นสาระสำคัญเพิ่มเติม
3. ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนหรือการรับแจ้งเบาะแส
บริษัทฯ ได้กําหนดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนหรือการรับแจ้งเบาะแสไว้ดังนี้
ช่องทางที่ 1 ทางโทรศัพท์
บริษัท เป็นต่อแคปปิตอล จำกัด
เบอร์โทร 02-279-5556
ช่องทางที่ 2 ทางไปรษณีย์
ประธานคณะกรรมการป้องกันและสอบสวนการกระทำผิด (เรื่องร้องเรียน)
บริษัท เป็นต่อแคปปิตอล จำกัด
เลขที่ 304 อาคารวานิชเพลส อารีย์ อาคาร A ชั้น 16
ห้องเลขที่ 1604-1605 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ 10400
ช่องทางที่ 3 ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล)
ช่องทางที่ 4 ทางเว็บไซต์
4. การให้ความคุ้มครองผู้แจ้งเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแสและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
- เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องเรียนและผู้ให้ข้อมูลที่กระทําการโดยมีเจตนาสุจริต บริษัทฯ จะปกปิดชื่อ ที่อยู่ หรือข้อมูลใด ๆ
ที่สามารถระบุตัวผู้ร้องเรียนหรือผู้ให้ข้อมูล และเก็บรักษาข้อมูลของผู้ร้องเรียนและผู้ให้ข้อมูลไว้เป็นความลับ โดยจะจํากัดเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการดําเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ - ในกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการคอร์รัปชันของผู้บริหารหรือผู้บริหารระดับสูง คณะกรรมการสอบสวนจะทําหน้าที่ในการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียน พยาน และบุคคลที่ให้ข้อมูลในการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน อันตราย หรือความไม่ชอบธรรมใดๆ (เช่น การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงาน ลักษณะงาน หรือสถานที่ทำงาน รวมไปถึงการพักงาน ข่มขู่ หรือรบกวนการปฏิบัติงาน การเลิกจ้าง หรือการอื่นใดที่มีลักษณะเป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้นั้น) อันเกิดมาจากการแจ้งเบาะแส การร้องเรียน การเป็นพยานหรือการให้ข้อมูล นอกจากนี้ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องร้องเรียน มีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูล ข้อร้องเรียนและเอกสารหลักฐานของผู้ร้องเรียนและผู้ให้ข้อมูลไว้เป็นความลับ
ห้ามเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่เป็นการเปิดเผยตามที่กฎหมายกําหนด - นอกจากนี้ บริษัทฯ ไม่มีนโยบายลดตําแหน่ง ลงโทษ หรือก่อให้เกิดผลทางลบต่อพนักงานที่ปฏิเสธการกระทำผิดหรือการคอร์รัปชัน แม้ว่าการกระทํานั้นจะทําให้บริษัทฯ สูญเสียโอกาสทางธุรกิจก็ตาม
5. ขั้นตอน การดำเนินการ และระยะเวลาการสอบสวน
- ผู้ที่รับเรื่องร้องเรียนจะต้องส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้แก่แผนกรับเรื่องร้องเรียน โดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ไม่ว่ากรณีใดๆ ต้องดำเนินการภายใน 1 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องเรียน โดยแผนกรับเรื่องร้องเรียน จะดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาและกลั่นกรองข้อมูลในเบื้องต้นที่ได้รับจากผู้แจ้งเบาะแส
- แผนกรับเรื่องร้องเรียน ต้องพิจารณาและสรุปผลในเบื้องต้นให้แล้วเสร็จโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องเรียนมาพิจารณา กรณีแผนกรับเรื่องร้องเรียน ไม่สามารถพิจารณาและสรุปผลเรื่องร้องเรียนดังกล่าวในเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาข้างต้น ให้เสนอเรื่องต่อผู้บริหารเพื่อขออนุมัติการขยายระยะเวลา ทั้งนี้ การอนุมัติขยายระยะเวลาดังกล่าวมิให้เกินครั้งละ 5 วันทำการ
- เมื่อแผนกรับเรื่องร้องเรียน ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จ ในกรณีตรวจสอบในเบื้องต้นแล้วพบว่ามีมูลความจริง แผนกรับเรื่องร้องเรียน จะนำเสนอต่อผู้จัดการฝ่ายที่รับผิดชอบหรือนำเสนอต่อผู้บริหารเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
- ผู้บริหารอาจมอบหมายให้แผนกรับเรื่องร้องเรียน หรือแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็น
ผู้กลั่นกรองสอบสวนข้อเท็จจริง และแจ้งผลการตรวจสอบเป็นระยะให้ผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียนได้ทราบ - ภายใน 7 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการตรวจสอบ แผนกรับเรื่องร้องเรียน หรือคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเสนอแนวทางในการดำเนินการแก่ผู้บริหาร เพื่อพิจารณาสั่งการและกำหนดแนวทางการดำเนินการแก้ไข และพิจารณากำหนดบทลงโทษต่อไป กรณีจำเป็นที่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ ให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเสนอเรื่องต่อผู้บริหารเพื่อขออนุมัติการขยายระยะเวลา ทั้งนี้ การอนุมัติขยายระยะเวลาดังกล่าวมิให้เกินครั้งละ 5 วันทำการ
- ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นความผิดร้ายแรงหรือเป็นกรณีของข้อร้องเรียนที่มีต่อกรรมการบริษัท และผู้บริหารระดับสูง เมื่อคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาแล้ว ให้เสนอแนะแนวทางการดำเนินการแก่คณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาสั่งการและกำหนดแนวทางการดำเนินการแก้ไข และพิจารณากำหนดบทลงโทษต่อไป
- หากมีการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ข้อมูลหรือหลักฐานที่มีอยู่นั้นมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาได้กระทําความผิด หรือกระทำการคอร์รัปชันจริง บริษัทฯ จะให้สิทธิผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหา และพิสูจน์ตนเอง โดยการหาข้อมูลหรือหลักฐานเพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันนั้นตามที่ถูกกล่าวหา
6. กระบวนการรับเรื่องร้องเรียน
7. บทลงโทษ
- หากผู้ถูกกล่าวหาได้กระทําความผิดหรือกระทำการคอร์รัปชันนั้นจริง ผู้กระทําผิดนั้น ไม่ว่าจะเป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงาน ย่อมถือว่าได้กระทําผิดต่อนโยบายการต่อต้านการคอร์รัปชัน และจรรยาบรรณ และจะต้องได้รับการพิจารณาโทษทางวินัยตามระเบียบที่บริษัทฯ กําหนดไว้ และหากการกระทําผิดนั้นเป็นการกระทําที่ผิดต่อกฎหมาย ผู้กระทําผิดนั้นอาจจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายไม่ว่าในทางแพ่งหรือทางอาญาหรือตามกฎหมายอื่นด้วย
ทั้งนี้ ให้โทษทางวินัยตามระเบียบของบริษัทฯ และ/หรือ คําตัดสินของคณะกรรมการบริษัทถือเป็นอันสิ้นสุด - ผู้ใดกระทำการใดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายฉบับนี้ รวมทั้งมีพฤติกรรมที่กลั่นแกล้ง ข่มขู่ ลงโทษทางวินัย หรือเลือกปฏิบัติ ด้วยวิธีการอันไม่ชอบธรรม เนื่องมาจากการร้องเรียนต่อผู้แจ้งเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแส หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแสตามนโยบายฉบับนี้ ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย และต้องรับผิดชอบชดใช้ความเสียหายแก่บริษัทฯ
หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว ตลอดจนรับผิดในทางแพ่งและทางอาญาหรือตามกฎหมายอื่นต่อไปด้วย
8. การสื่อสาร
บริษัทฯ จะจัดให้มีการสื่อสารและเผยแพร่นโยบายการรับข้อร้องเรียนและการให้ความคุ้มครองผู้ร้องเรียน รวมถึงช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนหรือการรับแจ้งเบาะแสให้ลูกค้า คู่ค้า และบุคลากรของบริษัทฯ รับทราบผ่านหลากหลายช่องทาง เช่น การปฐมนิเทศกรรมการและพนักงานใหม่ งานอบรมหรือสัมมนาประจําปี การติดประกาศในบอร์ดประชาสัมพันธ์ ระบบอินเทอร์เน็ต อีเมล เว็บไซต์ของบริษัทฯ เป็นต้น เพื่อให้ทุกคนในองค์กร เข้าใจ เห็นชอบ และปฏิบัติตามนโยบาย และมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะสื่อสารและเผยแพร่นโยบายการรับข้อร้องเรียนและการให้ความคุ้มครองผู้ร้องเรียน รวมถึงช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนหรือการรับแจ้งเบาะแสไปยังสาธารณชน บริษัทย่อย (ถ้ามี) บริษัทร่วม (ถ้ามี) ตลอดจนตัวแทนทางธุรกิจ คู่ค้าทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้เสียผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ของบริษัทฯ เป็นต้น เพื่อสร้างความเข้าใจและสนับสนุนให้ยึดมั่นในมาตรฐานการรับผิดชอบต่อสังคมในเรื่องการต่อต้านการคอร์รัปชันเช่นเดียวกับบริษัทฯ
การรับแจ้งเรื่องร้องเรียน
การรับแจ้งเรื่องร้องเรียน
การร้องเรียน
บริษัท เป็นต่อ แคปปิตอล จำกัด (“บริษัท”) ให้ความสำคัญกับเสียงสะท้อนและข้อร้องเรียนจากลูกค้าทุกท่าน โดยถือเป็นข้อมูลสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการให้บริการสินเชื่อ ระบบงาน การดำเนินงาน พฤติกรรมของพนักงาน หรืออื่นๆ ให้ดียิ่งขึ้น บริษัทมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อร้องเรียนอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และให้ความเป็นกลาง เพื่อให้ลูกค้าได้รับความเป็นธรรมและความพึงพอใจในการรับบริการอย่างสูงสุด
หากลูกค้าพบปัญหา ข้อขัดข้อง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในการใช้บริการของบริษัท สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
CALL CENTER
บริษัท เป็นต่อ แคปปิตอล จำกัด
02 279 5556
ไปรษณีย์
จ่าหน้าซอง และนำส่งมาที่
ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
บริษัท เป็นต่อ แคปปิตอล จำกัด
เลขที่ 304 อาคารวานิชเพลส อารีย์ อาคาร A ชั้น 16
ยูนิต 1604 - 1605 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน
เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 02 279 5556
CALL CENTER
บริษัท เป็นต่อ แคปปิตอล จำกัด
02 279 5556
ไปรษณีย์
จ่าหน้าซอง และนำส่งมาที่
ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
บริษัท เป็นต่อ แคปปิตอล จำกัด
เลขที่ 304 อาคารวานิชเพลส อารีย์ อาคาร A ชั้น 16
ยูนิต 1604 - 1605 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน
เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 02 279 5556
รายละเอียดของข้อร้องเรียนต้องมีความเป็นจริง ชัดเจน และเพียงพอที่จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการตรวจสอบและพิจารณาได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม ทั้งนี้ ระยะเวลาในการดำเนินการจะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเรื่องร้องเรียน ความครบถ้วนของข้อมูลและเอกสารหลักฐานที่ผู้ร้องเรียนจัดส่ง รวมถึงเอกสารหรือคำชี้แจงจากผู้ที่ถูกร้องเรียน ในกรณีที่ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ร้องเรียนได้รับความเสียหาย บริษัทจะดำเนินการบรรเทาความเสียหายดังกล่าวด้วยกระบวนการที่เหมาะสม โปร่งใส และเป็นธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
ผู้รับข้อร้องเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องเก็บรักษาข้อมูลที่ได้รับจากการร้องเรียนเป็นความลับ และจะเปิดเผยข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ร้องเรียน หรือผู้ให้ข้อมูลในกระบวนการตรวจสอบ ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างเคร่งครัด และจะไม่เปิดเผยชื่อหรือข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร้องเรียนต่อสาธารณชน เว้นแต่เป็นการเปิดเผยตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด หรือได้รับความยินยอมจากผู้ร้องเรียนโดยชัดแจ้ง
ผู้ร้องเรียนพึงปฏิบัติด้วยความสุจริตใจ และไม่แจ้งเรื่องร้องเรียนโดยมีเจตนากลั่นแกล้งองค์กรหรือบุคคลอื่น หากปรากฏว่าการร้องเรียนหรือการให้ข้อมูลเป็นเท็จ ไม่มีมูลความจริง หรือมีเจตนาทุจริต บริษัทจะดำเนินการตามกระบวนการทางวินัยของบริษัท หรือดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม